IPL (Intense Pulse Light) คือแสงที่มีช่วงคลื่นที่กว้างกว่าเลเซอร์โดยความยาวคลื่นเริ่มตั้งแต่ 420 nm ถึง 1200 nm จึงใช้รักษาปัญหาของผิวครอบคลุมได้หลายอย่าง ในการทำครั้งเดียว เพราะปัญหาผิวทั้งหลายบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องริ้วรอย รูขุมขนกว้าง สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดงต่าง ๆ ต้องใช้ความยาวคลื่นไม่เท่ากัน แต่สามารถรักษาได้ในช่วงคลื่นของแสง IPL
IPL เป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณและการกำจัดขนโดยใช้คลื่นแสงหลากหลายความถี่ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม มีประโยชน์ทั้งในด้านการลบริ้วรอย จุดด่างดำ และกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์ แต่หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าวิธีนี้ต่างจากการทำเลเซอร์อย่างไร มีวิธีการทำและข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
การทำ IPL เป็นวิธีรักษาปัญหาผิวในลักษณะเดียวกันกับการทำเลเซอร์ โดยจะใช้แสงที่มีความถี่คลื่นแสงหลายช่วงคลื่น คล้ายกับแสงแฟลชของกล้องถ่ายภาพ ยิงไปยังผิวหนังบริเวณที่มีปัญหาหรือต้องการกำจัดขน เซลล์เม็ดสีในผิวจะดูดซึมพลังงานแสงดังกล่าวและเปลี่ยนเป็นความร้อน ส่งผลให้เม็ดสีที่เป็นสาเหตุของจุดด่างดำและริ้วรอยถูกทำลาย รวมทั้งช่วยกำจัดต่อมรากขน ป้องกันการเกิดขนบริเวณนั้น ๆ

ทั้งนี้ คลื่นแสง IPL จะกระจายตัวมากกว่าแสงเลเซอร์ และซึมเข้าไปยังชั้นผิวหนังแท้โดยไม่ทำลายหนังกำพร้าหรือผิวชั้นนอก ส่งผลให้ผิวหนังถูกทำลายน้อยกว่าการทำเลเซอร์ที่ยิงแสงออกมาเพียงช่วงความถี่เดียว
- ปัญหาผิวพรรณจากความผิดปกติของหลอดเลือดในร่างกาย เช่น ปานแดง โรคโรซาเซียหรือสิวหน้าแดง รอยเส้นเลือดฝอยที่ขึ้นตามใบหน้าหรือขา เป็นต้น
- ฝ้าและกระ
- รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
- ผิวแตกลายและรอยสิว
- กำจัดเส้นขนที่ขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ ใบหน้า คอ หน้าอก หลัง ขา หรือขนในที่ลับ

ข้อดี
- เป็นวิธีรักษาปัญหาผิวพรรณและกำจัดขนที่ใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย
- การรักษาแต่ละครั้งใช้เวลาน้อยกว่าวิธีอื่น
- ช่วยขจัดริ้วรอย จุดด่างดำ และกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- แสง IPL ไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก ส่งผลให้เสี่ยงได้รับผลข้างเคียงน้อยกว่าการรักษาด้วยวิธีกรอหน้าหรือการทำเลเซอร์
- ผิวหนังฟื้นตัวได้เร็ว
ข้อเสีย
- การทำ IPL อาจใช้ไม่ได้ผลดีกับบริเวณผิวหนังที่ไม่สม่ำเสมอ ผู้ที่มีผิวคล้ำหรือขนสีอ่อน รวมถึงผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์หรือมีแนวโน้มเกิดแผลเป็นชนิดนี้
- ต้องรักษาซ้ำหลายครั้งจึงจะได้ผลลัพธ์ตามต้องการ