การฉายแสง LED (Light-Emitting Diode) เข้มข้นเพื่อดูแลผิวพรรณให้มีสุขภาพดีขึ้น ในระดับชั้นเซลล์ ฟื้นฟูสภาพผิวจากจุดด่างดำและริ้วรอยแผลเป็นจากสิว กำจัดเชื้อแบคทีเรียหรือรักษาบริเวณผิวหนังที่อักเสบ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความถี่ในแต่ละความเข้มข้นของแสง LED จะทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิวเพื่อรักษาภาวะของผิวได้ตามความถี่และคงามลึกของแสง
- Blue Light (415nm)
แสงสีฟ้า ความยาวคลื่น 415 นาโนเมตร สำหรับรักษาสิวและลดการอักเสบของผิว ทำลายแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว
- Green Light (520nm)
แสงสีเขียว ความยาวคลื่น 520 ช่วยรักษาทางด้านสีผิว สำหรับรักษารอยแดง รอยดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เม็ดสีและอาการแพ้
- Yellow Light (590nm)
แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 590 นาโนเมตร เพิ่มการตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยในการรักษาผิวจากภายใน และระบบน้ำเหลือง
- Red Light (633nm)
แสงสีแดง ความยาวคลื่น 633 นาโนเมตร สำหรับรักษาริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อาการแพ้ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และกระชับกล้ามเนื้อผิว.
- Near-Infrared Light (830nm)
แสงเข้มข้น ความยาวคลื่น 830 นาโนเมตร เพิ่มการสร้างเม็ดเลือดขาว ลดริ้วรอย กระชับผิวกล้ามเนื้อ รักษาผิวหนังที่หมดสภาพ ช่วยเพิ่ม ATP และช่วยรักษาแผล และรอยแปลเป็น
การรักษาด้วยการฉายแสง LED เข้มข้น 20 นาทีขึ้นไป และควรทำซ้ำสัปดาห์ละ1-2 ครั้ง ติดต่อกันในระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ขึ้นไป ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์ผิวหนังโดยดูจากวัย สภาพผิวและปัญหาผิวหนัง ผลการรักษาของแต่ละรายขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความสม่ำเสมอในการรักษา โดยมากเห็นผลเมื่อทำการรักษาต่อเนื่อง 3 ครั้งขึ้นไป
พบว่าสิวอักเสบยุบตัวลง ความมันบนใบหน้าลด ปริมาณสิวลดลง พร้อมริ้วรอยแผลเป็นจากสิวค่อยจางไป ได้รวดเร็วขึ้นเมื่อทำการรักษาต่อเนื่องและควบคู่กับทรีทเมนต์อื่น ทั้งยังมีความปลอดภัย เนื่องจากผิวชั้นนอกไม่ได้รับอันตรายจากคลื่นแสงซึ่งทำงานลึกลงไปภายในชั้นใต้ผิวจัดการตรงจุดที่เกิดปัญหาโดยตรง ขณะทำการรักษาไม่เจ็บและไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง หลังการรักษาสามารถกลับทำงานได้ตามปกติ ช่วยลดปัญหาสิวอักเสบไปพร้อม ๆ กับทำให้แผลหลุมสิวตื้นขึ้น ฟื้นฟูสภาพผิวจากจุดด่างดำและริ้วรอย ช่วยเผยผิวกระจ่างใสเรียกความมั่นใจกลับคืนมาอย่างง่ายดาย
ที่สำคัญคือเครื่องมือที่มีคุณภาพเพื่อจะได้ความเข้มข้นของความถี่แสงที่มีประโยชน์ต่อเซลล์ผิวและไม่ทำลายผิวหน้า